ส่วนแบ่งตลาด Mobile Video ปี 2011: iOS ลดลง, แพลตฟอร์มอื่นๆ ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น

บริษัท Encoding.com ซึ่งให้บริการแปลงวิดีโอเพื่อเผยแพร่บนเน็ต (และอ้างว่าบริการของตัวเองใหญ่ที่สุดในโลก) เผยสถิติของแพลตฟอร์มวิดีโอ Vid.ly ตลอดปี 2011 ภาพรวมคือ iOS มีส่วนแบ่งตลาดลดลง และแพลตฟอร์มอื่นมีส่วนแบ่งการตลาดเยอะขึ้นโดยเฉพาะ Android

• ไตรมาส 1 ของปี 2011: iOS 80.9%, Android 10.2%, อื่นๆ 8.9%
• ไตรมาส 2 ของปี 2011: iOS 69.5%, Android 20.5%, อื่นๆ 10.2%
• ไตรมาส 3 ของปี 2011: iOS 59.4%, Android 20.5%, อื่นๆ 20.4%
• ไตรมาส 4 ของปี 2011: iOS 40.6%, Android 24.0%, อื่นๆ 35.4%

แพลตฟอร์มอื่นๆ ในที่นี้ได้แก่ Blackberry, Linux, Windows, Symbian, Nokia

เหตุผลสำคัญคงไม่ใช่เพราะ iOS คนใช้น้อยลง แต่เป็นเพราะแพลตฟอร์มอื่นๆ เริ่มมีความสามารถในการดูวิดีโอบนมือถือมากขึ้น จากเดิมที่ iOS มีความสามารถนำคู่แข่งในด้านนี้ก็เริ่มจะเท่าเทียมกันแล้ว ทำให้ตัวเลขเริ่มสะท้อนส่วนแบ่งตลาดของยอดขายมือถือจริงมากขึ้นนั่นเอง

source : blognone

สงสัยต้องรอ iOS 6 มาตีตื้นละมั้งแบบนี้

บิล เกตส์เขียนจดหมายหาจ็อบส์ก่อนตาย จ็อบส์เก็บไว้ข้างเตียงตราบจนสิ้นใจ

บิล เกตส์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Telegraph ของอังกฤษในหลายประเด็น ทั้งเรื่องงานที่มูลนิธิ หลักการดำเนินชีวิต วิธีการเลี้ยงลูก และไลฟ์สไตล์ส่วนตัว

แต่ส่วนสำคัญในบทสัมภาษณ์คือเรื่องที่เกตส์พูดถึงสตีฟ จ็อบส์ โดยเกตส์บอกว่าทั้งสองคนเป็นทั้งคู่แข่งและเพื่อน ถึงแม้จ็อบส์เคยวิจารณ์เกตส์แรงๆ หลายครั้ง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นมากโดยเฉพาะหลังเกตส์ออกจากไมโครซอฟท์

ก่อนจ็อบส์ตายไม่กี่เดือน เกตส์ไปเยี่ยมจ็อบส์ที่บ้าน ทั้งคู่ใช้เวลาหลายชั่วโมงพูดคุยในเรื่องต่างๆ รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับอนาคต และในช่วงที่จ็อบส์ใกล้เสียชีวิต เกตส์เขียนจดหมายไปหาจ็อบส์ โดยเนื้อหาในจดหมายบอกให้จ็อบส์ภูมิใจกับบริษัทที่เขาสร้างขึ้นและสิ่งที่เขาทำ รวมถึงพูดถึงลูกๆ ของจ็อบส์ที่เกตส์รู้จัก

หลังจากจ็อบส์ตาย เกตส์ได้รับโทรศัพท์จากลอเรน ภรรยาของจ็อบส์ เธอบอกว่าเนื้อหาในหนังสือไม่ได้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนเคารพซึ่งกันและกัน และบอกว่าจ็อบส์ซาบซึ้งกับจดหมายของเกตส์ โดยเขาเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้ข้างเตียงจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

เกตส์ยังบอกว่าระหว่างเขากับจ็อบส์ไม่ต้องมีคำขอโทษหรือการให้อภัยระหว่างกัน เพราะทั้งสองคนไม่เคยทะเลาะกัน ถึงแม้จะเคยแข่งกันในธุรกิจแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีต่อวงการ

source : blognone

นี่สินะ เป็นศัตรูยังไงก็ยังมีน้ำใจต่อกัน อยากให้บ้านเรามีสปิริตแบบนี้บ้างจัง

นำ iPhone 3GS เครื่องเก่า ไปลดราคา iPhone 4S เครื่องใหม่ของคุณ

เป็นโปรที่มาเหนือความคาดหมายมากๆ สำหรับการเปิดให้เอาเครื่อง iPhone 3GS ไม่ว่าจะเครื่องศูนย์ในประเทศหรือเครื่องหิ้วจากต่างประเทศมาเปลี่ยนเป็นส่วนลดเงินสดสำหรับการซื้อเครื่อง iPhone 4S จากทาง TrueMove H ได้สูงสุดถึง 8,000 บาท แต่มีเงื่อนไขคือต้องซื้อ iPhone 4S พร้อมโปร XL 899 หรือ XXL 999 พร้อมสัญญา 1 ปีจากทาง TrueMove H เท่านั้น

ในส่วนของการตีราคาเครื่อง iPhone 3GS ก็จะตามความจุคือ 8GB 6,000 บาท, 16GB 7,000 บาท, 32GB 8,000 บาท โดยต้องสภาพดีไม่มีรอยบุบและเป็นเครื่องศูนย์ของเครือข่ายใดเครือข่ายหนึ่งในประเทศไทยเท่านั้นซึ่งจะถูกตีสภาพเป็นเครื่องเกรด A และสำหรับเครื่องที่หิ้วมาจากนอกต่อให้สภาพดีแค่ไหนหรือถ้าเป็นเครื่องศูนย์มีรอยบุบก็จะถูกตีเกรดเป็นเครื่องเกรด B และราคาลดไปรุ่นละ 1,000 บาทเป็น  8GB 5,000 บาท, 16GB 6,000 บาท, 32GB 7,000 บาท

สำหรับโปรดีๆ แบบนี้สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 2-5 กุมภาพันธ์ 2555 และอีกรอบคือวันที่ 9-12 กุมภาพันธ์ 2555 เฉพาะที่ True Shop  8 สาขาได้แก่ เซ็นทรัลลาดพร้าว, เดอะมอลล์ บางกะปิ, ซีคอนสแควร์, เซ็นทรัลพระราม 2, ไอทีมอลล์ ฟอร์จูน ชั้น 3,  ดิจิตอลเกตเวย์ สยามสแควร์, แฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา และฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต เท่านั้น

Source : Thaimacupdate

ดูแล้วก็น่าจะคุ้มนะ สำหรับโปรนี้

[ข่าาลือ] Apple เตรียมส่ง iPhone 5 มาพร้อมกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลและบอดี้สุดบางเฉียบ

ข่าวลือล่าสุดของ iPhone 5

ดูเหมือนว่าใครที่ยังคงประทับใจกับความสุดยอดของกล้องหลังใน iPhone 4S ที่ดีที่สุดจาก iPhone ที่ดีที่สุดของ Apple เตรียมได้เฮกันยาวๆเลยกับ iPhone 5 สมาร์ตโฟนรุ่นต่อไปจาก Apple ที่เตรียมจะเปิดตัวกันในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ซึ่งล่าสุดดูเหมือนว่าตัวเครื่อง iPhone 5 อาจจะมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียดระดับพระกาฬสูงถึง 13 ล้านพิกเซลกันเลยทีเดียว

โดยในเวลานี้บริษัท Sony ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซนเซอร์กล้องหลังให้กับ iPhone 4S ของ Apple ได้ทำการเปิดตัวเซนเซอร์ CMOS รุ่นใหม่สำหรับอุปกรณ์ขนาดพกพาพร้อมๆ กันถึง 2 รุ่นในระดับความละเอียด 8 ล้านพิกเซลและ 13 ล้านพิกเซลซึ่งจะมาพร้อมกับขนาดที่บางลงกว่าเดิมมากรวมถึงรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงแบบ HDR Movie ด้วย

ขณะเดียวกันเซนเซอร์กล้องหลังตัวใหม่นี้ยังจะมีอีกหนึ่งจุดขายที่สำคัญนั่นก็คือระบบประมวลผลภาพแบบใหม่ RGBW Coding ซึ่งจะช่วยเพิ่มแสงขาวให้ภาพที่ได้รับการถ่ายขึ้นในสถานที่ที่มีแสงน้อยมีความชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมเช่นเดียวกับวิดีโอที่ถ่ายในที่มืดก็จะมี distortion ลดลงและให้ภาพที่คมชัดขึ้นตามไปด้วย

แน่นอนว่าค่ายที่สนใจจะนำเซนเซอร์กล้องหลังตัวใหม่จาก Sony ไปใช้งานก่อนใครเพื่อนก็คือ Apple ที่ยังคงประทับใจไม่หายกับเซนเซอร์กล้องหลังใน iPhone 4S ซึ่งหาก Apple นำมาใช้งานกันจริงใน iPhone 5 ก็จะทำให้ตัวเครื่องมีขนาดบางลงกว่าเดิมชนิดหน้ามือเป็นหลัง (อย่างที่ Apple ชอบพร่ำบอกว่า iPhone 5 จะเป็น major change ครั้งสำคัญ) ขณะเดียวกันการที่ตัวเครื่อง iPhone 5 จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A6 แบบ Quad Core CPU ก็น่าจะช่วยให้การประมวลผลภาพในระดับความละเอียดนี้เป็นไปได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุดด้วยเช่นเดียวกัน

หลังจากนี้คงมีข่าวลือออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ แน่

เผยลูกเล่นเล็กๆ ใน iOS 5

iOS 5 ถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการบน iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีลูกเล่นปลีกย่อยซ่อนมามากพอสมควร วันนี้เราจะขอหยิบเอาความสามารถพิเศษใหม่ๆ บางอย่างที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาฝากกัน

1. Camera: Pinch to Zoom, Volume Shutter, QuickLook


ระบบกล้องใน iOS 5 ถือเป็นอะไรที่ได้รับการปรับปรุงและเพิ่มความสามารถเข้ามาอีกเยอะพอสมควร เริ่มตั้งแต่วิธีการซูมซึ่งเมื่อก่อนเราต้องแตะที่หน้าจอหนึ่งครั้ง แต่ตอนนี้เราไม่สามารถแตะหน้าจอเพื่อซูมได้แล้วแต่เราสามารถใช้วิธี Pinch to Zoom หรือใช้นิ้วสองนิ้ววาดเข้าหากันบนหน้าจอเพื่อซูมเข้าได้เลย
นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้ปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่ม (ปุ่ม Volume Up เครื่องหมาย +) เพื่อเป็นปุ่มกดชัตเตอร์ของกล้องถ่ายรูปได้



ความสะดวกอีกอย่างคือเราสามารถย้อนกลับไปดูรูปภาพใน Photos ของเราจากโหมดกล้องได้ด้วยการกวาดนิ้วจากซ้ายไปขวาในหน้าจอพร้อมถ่ายรูปได้ เลยทันทีโดยไม่จำเป็นต้องกดที่มุมซ้ายล่างแต่อย่างใด

2. ปรับเปลี่ยนรายการแสดงผลบน Notification Center




ระบบ Notification Center ถือเป็นระบบที่เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน iOS 5 มากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะจะเป็นการรวบรวมเอาการแจ้งเตือนหลายๆ อย่างมารวมอยู่ในหน้าจเดียวกัน ซึ่งวิธีการเข้าถึงหน้าจอ Notification Center ก็เพียงแค่ลากนิ้วจากด้านบนสุดของจอลงมากลางเครื่องเท่านั้น
แต่สำหรับคนที่มี App เยอะแยะเต็มเครื่อง อาจจะเจอปัญหา Notification Center เกิดอาการ “รก” เกินไปเนื่องจากบาง App ได้ส่งการแจ้งเตือนมาเต็มไปหมด
เราสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการเลือกให้บาง App ไม่จำเป็นต้องแสดงใน Notification Center ได้ด้วยการไปที่ Settings > Notifications จากนั้นกด Edit แล้วเลือกย้าย App ที่อยู่ในหมวด “In Notification Center” ออกไปใว้ในหมวด “Not in Notification Center” ที่อยู่ด้านล่างเท่านั้นเอง เท่านี้ App ที่ถูกย้ายไปก็จะไม่แสดงผลในหน้า Notification Center อีก

3. ลบภาพออกจาก Photo Stream


ระบบ Photo Stream ใน iOS 5 เป็นระบบการเก็บรูปภาพใหม่ๆ ที่เราถ่ายด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 5 ซึ่งรูปภาพจะถูกส่งไปยัง iCloud แบบออนไลน์ แต่ว่าเราไม่สามารถทำการลบหรือแก้ไขรูปภาพใดๆ ที่อยู่ใน Photo Stream จากบนอุปกรณ์ iOS 5 ได้เลย ซึ่งบางครั้งก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นักสำหรับคนที่มีภาพใหม่ๆ จำนวนมาก



ทางออกสำหรับการลบภาพใน Photo Stream นั้น ในปัจจุบันมีอยู่วิธีเดียวคือการ Reset Photo Stream ผ่านระบบ iCloud เท่านั้น โดยมีขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปที่เว็บไซต์ www.icloud.com แล้วทำการ Log-in ด้วย Apple ID เดียวกันกับที่เปิดใช้ Photo Stream บนอุปกรณ์ iOS ของคุณ

จากนั้นให้กดที่ชื่อของคุณด้านบนขวาของหน้าจอแล้วเลือกเมนู Advanced และเลือก Reset Photo Stream เท่านี้รูปภาพทั้งหมดที่เก็บใว้บน Photo Stream จะถูกลบออกไปจนหมด (แต่รูปภาพที่เก็บใว้ในอุปกรณ์ iOS อย่าง iPhone หรือ iPod touch จะยังอยู่เหมือนเดิม)

ที่มา : Thaimacupdate

ทำมาด่วน! ภาพจำลองโต๊ะทำงานในฝัน “iDesk”

ถึงแม้จะเป็นแค่คอนเซ็ปท์ดีไซน์แต่ก็ชื่นชมกับแนวคิดของของ Adam Benton นักออกแบบคนหนึ่งที่ได้โพส์รูปสิ่งที่เขาเรียกว่า iDesk ซึ่งเป็นโต๊ะทำงานที่มีหลักการคล้ายๆ กับ Microsoft Surface ซึ่งเคยออกมาเปิดตัวทำเอาฮือฮาไปทั้งโลกแล้วรอบหนึ่ง



สำหรับ iDesk ก็มีแนวคิดที่ว่าเราน่าจะมีโตีะทำงานที่เป็นจอ Multi-Touch ขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จาก Apple ได้เพียงแค่วางลงไปบนโต๊ะเท่านั้น เช่นเราสามารถวาง iPhone ใว้บนโต๊ะแล้วตัว iDesk ก็จะทำการเชื่อมต่อเข้ากับระบบ OS X แล้วแสดงผลบนจอภาพได้ทันที หรือจะเป็น Interface ต่างๆ บนโต๊ะที่ทำให้เราสามารถเขียนโน๊ตข้อความหรือใช้งานผ่านปากกา Stylus ได้อย่างสะดวก และพร้อมที่จะโยนไฟล์เข้าไปในอุปกรณ์ต่างๆ ที่วางอยู่บน iDesk ได้ทันที

เห็นแล้วก็ต้องบอกว่าน่าลุ้นให้มีออกมาจริงๆ เหมือนกันสำหรับเจ้า iDesk ที่ว่านี้

ถ้าออกมานี่ราคาจะสักเท่าไหร่กันนะ